วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

การเลี้ยงแมว

การเลี้ยงแมว
แมวออกลูก
แมวที่ออกลูกครั้งละ 3 ตัวขึ้นไป หากแม่แมวไม่กินเก่ง หรือแม่แมวไม่อ้วน มีโอกาสที่ลูกแมวจะไม่มีนมกิน และจะตายทั้ง 3 ตัวแม่แมวที่พิการ หรือมี 3 ขา อาจจะนอนทับลูกคอหักได้เมื่อแม่แมวออกลูก เพื่อให้แม่แมวมีนมไปเลี้ยงลูกทั้ง 4 ตัว ควรให้กินอาหาร 3 มื้อ และให้กินนมกล่องประมาณ ครึ่งกล่อง และอาจจะให้กินตับไก่ด้วยก็ได้ และควรให้กินน้ำที่สะอาดควรเลี้ยงลูกแมวที่เกิดใหม่ไว้ในที่ปลอดภัย อย่าให้แมวที่นิสัยดุเข้าใกล้ จากประสบการณ์ ผมกำลังดูแมวเกิดใหม่ อยู่ดีๆแมวดุก็กระโดดเข้ามา กัดคอ ลูกแมวตายต่อหน้าผมเลย แมวที่นิสัยดุ อาจจะเป็นแมวตัวผู้ หรือ แมวตัวเมียที่ทำหมันมานานแล้วคอยสังเกตุว่า ลูกแมวตัวไหนดูดนมไม่ทันเพื่อน ให้พยายามดึงแมวที่ดูดเก่งออกมารอประมาณ 20 นาที แล้วจึงนำกลับไปดูดนมต่อ (อย่าลืมนำแมวดูดนมเก่งกลับไปดูดนมต่อนะครับ เพราะถ้าแมวที่ดูดนมเก่งไม่ได้ดูดนม อาจจะอดอาหาร และตายในที่สุด แม้จะดูดเก่งก็ตาม) การสังเกตุนี้ต้องสังเกตุติดต่อกัน 3 เดือนตั้งแต่แรกเกิด ลูกแมวถึงจะไม่ตายการเลี้ยงลูกแมวเกิดใหม่ แม้เลี้ยงผ่านมา 1 เดือนแล้ว ดูแข็งแรงดี แต่หากเราไม่เอาใจใส่ ลูกแมวที่แข็งแรงอาจตายได้ (อันนี้เรื่องจริง) เราต้องเอาใจใส่มันทุกวันและทุกตัว หากสังเกตุลูกแมวตัวไหนไม่สบายต้องรีบหาทางแก้ทันทีดูแลที่อยู่ที่นอนของลูกแมว อย่าให้เปียกชื้น หรือมีกลิ่นเหม็น ควรให้ลูกแมวนอนในกล่องกระดาษที่ปูเศษผ้าไว้พอประมาณ และเปลี่ยนเศษผ้าทุก 2 วันหากลูกแมวหรือแม่แมวเป็นหวัดให้อ่านวิธีแก้ในหัวข้อ โรคของแมวลูกแมวต้องเลี้ยงเกิน 2 เดือนจนกระทั่งตัวโต จึงจะเริ่มให้อาหารได้ ก่อนเริ่มให้อาหาร 1 สัปดาห์ ควรหัดให้เลียน้ำด้วยตัวเองก่อน ในการให้อาหาร อย่าให้อาหารที่ชิ้นโต เพราะอาจติดคอลูกแมวตายได้ (หลังจากลูกแมวตายผมเห็น ฮ็อทด็อก ไหลออกมาจากคอ ผมไม่น่าป้อน ฮ็อทด็อก มันเลย)แม้แมวที่เกิดจะเป็นแมวดำก็อย่ารังเกียจมัน ตอนนี้ผมก็เลี้ยงอยู่ 2 ตัว มันเป็นลูกของไอ้สีสวาทฯลฯ
ควรนำแมวตัวเมียไปผ่าตัดทำหมัน (เสียเงินประมาณ 600 บาท) อย่าใช้วิธีฉีดยา แมวที่ฉีดยา(ทุกแบบที่เกี่ยวกับทำหมัน)จะเฉาตายภายใน 2 เดือน (จากประสบการณ์)ควรทำหมันแมวหลังจากแมวออกลูกแล้ว 2 เดือน และก่อนที่มันจะผสมพันธ์ และไม่ควรทำหมันแมวที่ยังเด็ก ควรให้มันเป็นแมวผู้ใหญ่ก่อนแล้วจึงนำไปผ่าตัดทำหมัน
ตอนกลางวันควรให้แมวอยู่อย่างอิสระ ในบ้านหรือนอกบ้านก็ได้ ตอนกลางคืนควรขังรวมกันไว้ในกรงกรงแมวต้องมีขนาดใหญ่ (1x1x1 เมตร) และมี 2 ชั้น ดังรูป
หมายเลข 4 สำหรับให้แมวขับถ่าย และเป็นพื้นปูนลาดเอียง เพื่อให้ลาดน้ำล้างได้สะดวกหมายเลข 3 สำหรับให้แมวนอนเวลากลางคืน ควรมีถังน้ำวางอยู่มุมใดมุมหนึ่งด้วย ไม่ควรให้แมวกินอาหารในกรงหมายเลข 2 เป็นตาข่ายธรรมดากันแมวออกจากกรงหมายเลข 1 ควรเป็นเพดานที่กันฝนได้ทั้งกรง และสามารถเปิดออกได้ เพื่อให้แสงสว่างช่วยฆ่าเชื้อโรคในกรงเวลากลางวันผมเคยเลี้ยงแมวตาย 7 ตัว มันค่อยๆตายทีละตัว ทีแรกคิดว่ามันเป็นโรคพิษสุนัขบ้า เลยขังมันไว้ในกรง (ไม่ใช่แบบในตัวอย่าง เป็นกรงที่แมวทั้งขี้และกินในที่เดียวกัน) เห็นมันดิ้นไปดิ้นมาแล้วก็ตาย ผมพยายามหาทางแก้ จนกระทั่งแมวตายผ่านไปแล้ว 7 ตัว ผมถึงสังเกตุเห็นว่า แมวที่นอนนอกกรงเวลากลางคืนยังแข็งแรงดี ส่วนแมวที่นอนในกรงจะค่อยๆป่วยทีละตัว ดังนั้นผมจึงรื้อกรงนั้นทิ้ง และย้ายให้แมวไปนอนที่อื่น แมวที่เหลือจึงรอดตาย สาเหตุคงเป็นเพราะ ขี้และเยี่ยวที่หมักหมมในกรงเป็นเวลานาน ส่งกลิ่นบางอย่าง ทำให้แมวป่วยอย่างร้ายแรงการเลี้ยงแมวในบ้าน แมวชอบขี้และเยี่ยวในที่ๆมีกลิ่นเหม็นหรือเป็นจุดอับ หากต้องการให้แมวขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง ควรเตรียมกระบะทรายหรือขี้เถ้าไว้ในบ้านด้วย สำหรับแมวตัวผู้ที่โตแล้ว จะเยี่ยวไม่เลือกที่
แมวผม 2 ตัวชอบกินเศษอาหาร ขนาดขึ้นราแล้วก็กิน หลังจากนั้นกระเพาะมันก็ติดเชื้อตายไปหนึ่งตัว ตัวที่ 2 เพิ่งจะเริ่มเป็นโรคทีหลังเพราะไม่ตะกละเหมือนตัวแรก ผมรีบพามันไปหาหมอ หมอฉีดยา 3 เข็ม เก็บเงิน 200 บาท แล้วให้พามันมาอีกหลังจากนั้น 3 วัน และฉีดยาอีกครั้ง พร้อมทั้งรับยากินมาให้มันกินอีก 2 สัปดาห์มันจึงหายเป็นปรกติ หมอบอกว่าถ้าพามาเร็วก็มีโอกาสหาย แต่ถ้าปล่อยให้เป็นหนักแล้วพามา จะรอดยาก ดังนั้น หากแมวป่วยควรรีบพาไปหาหมอตั้งแต่วันแรกเลย โรคหวัดที่เกิดในแมว หากเป็นแมวเด็กหรือแมวผู้ใหญ่ที่อ่อนแอจะมีโอกาสตายสูง หากเราปล่อยให้มันหายเองไม่พาไปหาหมอ ส่วนใหญ่อาการจะหนักขึ้นและตายในที่สุด ไม่มีคำว่าหายเองตามธรรมชาติ (จากวันที่สังเกตุเห็นว่ามันเป็นหวัด จนถึงวันที่มันตายเพียง 3 วันเท่านั้น) แต่ถ้าเป็นแมวอ้วนกินเก่งถึงเป็นหวัดก็ยังกินเก่งเราให้มันกินหญ้ามันก็หายเองได้สรุปว่า หากพบว่าแมวเป็นหวัด ไม่กินอาหาร ควรรีบพาไปหาสัตวแพทย์ อย่าปล่อยไว้นาน เพราะโรคหวัดแมว ตายเร็วหากแมวที่เป็นหวัดมีขี้ตามากหรือมีหนองจากตาจนลืมตาไม่ได้ ควรหมั่นเช็ดหนองออกจากตาและจมูก และควรพาไปหาสัตวแพทย์อาหารสำหรับแมวท้องเสีย คือ ตับไก่ปิ้ง (อันนี้ ไม่แน่ใจ)ควรให้แมวกินอาหารให้ตรงเวลา ถ้าแมวอดอาหาร มันจะไม่แข็งแรง และเป็นโรคได้ง่ายอย่าให้แมวกินข้าวบูด ควรให้แมวกินข้าวที่คนกินได้ ผมมีประสบการณ์จะเล่าให้ฟังแมวเด็กตัวเล็ก ผมเผลอให้มันกินข้าวบูด หลังจากนั้น มันก็นอนซม ไม่กินข้าว มีน้ำเยิ้มออกจากก้น 2 วัน มันก็ตาย (เป็นอาหารเป็นพิษ ถ้าพาไปหาหมอตั้งแต่วันแรก หมอจะรักษาได้)เย็นวันหนึ่ง ผมนั่งกินขนมเจ เป็นแป้งทอด ผมก็เลยแบ่งให้แมวกินด้วย 1 ชิ้น วันรุ่งขึ้น มันก็นอนซม มีน้ำเยิ้มที่ก้นเหมือนกัน ผมจึงรีบพาไปหาหมอ หมอบอกว่าอาหารเป็นพิษ รักษาอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ แมวตัวนั้นก็หายเป็นปรกติปรกติแมวตัวหลังนี้จะชอบจับหนูแล้วกินหนูด้วย แต่ไม่เคยอาหารเป็นพิษ แต่พอผมเอาขนมแป้งทอดให้กิน มันกลับเป็นอาหารเป็นพิษ ทั้งๆที่ผมก็กินกับมันฯลฯ
แมวบางตัวอาจทำให้เพื่อนบ้านรำคาญได้ ตอนกลางคืนควรขังในกรงอย่าให้แมวสกปรกอยู่ในบ้าน เพราะหากท่านนอนหลับ เวลาตื่นขึ้นมาอาจพบว่า แมวนอนอยู่บนหน้าของท่าน หรือกำลังเลียหน้าของท่าน ทำให้ท่านเป็นโรคได้หลังจากจับแมว ไม่ควรจับภาชนะบรรจุอาหารหรือน้ำ หรือสิ่งที่ต้องจับบ่อยๆ เช่น รีโมท และควรล้างมือก่อนกินข้าว เพื่อป้องกันอาหารเป็นพิษ
แมวเป็นสัตว์ที่มีความต้องการ อย่างบ้านผมจะมีรูเล็กๆบนชั้น 2 และแมวจะชอบมุดรูนั้นเข้ามาในบ้าน รูนั้นมุดยากมาก เพราะต้องปีนขึ้นหลังคา แล้วโหนมาตามคาน แล้วจึงมุดรูเข้ามา โดยแมวจะต้องรีดตัวเองเพื่อมุดรูเข้ามา ปัจจุบันแมวตัวนั้นตายแล้ว เพราะเส้นเอนเสีย เนื่องจากมุดเข้ามาบ่อยเราคิดไปเองว่า ถ้ามันเจ็บเดี๋ยวมันก็เลิกมุดเอง แต่เนื่องจากมันอยากเข้าบ้าน มันก็จะมุดเข้ามาเรื่อย จนกระทั่งมันเส้นเสีย และตายเพราะขยับตัวไม่ได้ จึงทำให้เราคิดว่า แมวมันไม่รู้จักคาดการณ์ว่าอะไรเป็นอันตรายสำหรับมัน เราซึ่งเป็นคนเลี้ยงจะต้องคอยดูแลว่ามันทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อตัวมันเองหรือเปล่า และพยายามอย่าให้มันทำอย่างนั้นในกรณีนี้ ผมควรอุดรูนั้น เพื่อให้มันไม่มุดเข้ามาอีก
ยาเม็ดวิธีที่ 1 - แบ่งเป็น 4 ส่วนเล็กๆ แล้วยัดไว้ในตับไก่ย่าง แล้วปล่อยให้แมวกินตับไก่เองวิธีที่ 2 - ต้มน้ำเดือดละลายน้ำตาลให้เป็นน้ำข้นๆ ประมาณ 1 ช้อน แล้วบดยาเม็ดละลายลงไปในช้อน คนให้เข้ากัน แล้วเอานิ้วจิ้ม ไปป้ายปากแมว แมวจะเลียเองโดยธรรมชาติยาแค็ปซูล - แกะแค็ปซูลออกแล้วทำตามวิธีที่ 2ยาผง - ทำตามวิธีที่ 2ยาน้ำ - ถ้าใช้หลอดฉีดยาฉีดเข้าปากมันไม่ได้ ก็ค่อยๆเอานิ้วจิ้มยาไปป้ายปากมัน
เดี๋ยวนี้ไม่ต้องลำบากแล้ว เพราะสามารถหาซื้อตระกร้าใบใหญ่ๆที่มีฝาปิดล๊อคได้แล้ว โดยตะกร้านี้มีรูตลอดทุกด้าน ทำให้แมวมีอากาศหายใจ หาซื้อได้ตามห้างใกล้บ้าน
Last Update 11-12-2003

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โรคที่พบในน้องหมา



เชื้อโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรง ทำให้คนหรือสัตว์ที่ป่วยด้วยโรคนี้ต้องตายด้วยความทุรนทุราย โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า เรบีส์ไวรัส ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกระสุนปืน จะอยู่ในเซลล์ที่มีชีวิตเท่านั้น เมื่อออกมานอกร่างกายจะมีชีวิตได้ไม่นาน ถูกทำลายได้ง่ายเมื่อถูกความร้อน แสงแดด หรือในสภาพแห้งแล้ง ยาฆ่าเชื้อที่ใช้ได้ผลดี คือ ฟอร์มาลิน , 70 % แอลกอฮอล์ , ไลโซล , กรดหรือด่างอย่างแรง หรือ 10 % ไฮโปคลอไรท์ ( น้ำผสมคลอรีนไฮเตอร์ หรือคลอร็อก ในอัตราส่วน 1 ส่วนต่อน้ำ 9 ส่วน )

อาการโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัข
แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ แบบดุร้าย แสดงอาการชัดเจนและพบบ่อย และแบบซึมซึ่งแสดงอาการไม่ชัดเจน อาการของโรคมี 3 ระยะ คือ ระยะอาการเริ่มแรก สุนัขจะมีนิสัยแปลกไปจากเดิม ตัวที่เคยขลาดกลัวจะเข้ามา คลอเคลีย ตัวที่เคยเชื่องชอบเล่น จะหงุดหงิด หลบไปตามมุมมืด เงียบ กินอาหารและน้ำน้อยลง ระยะนี้มีอาการ 2 - 3 วัน จะเข้าสู่ระยะที่ 2 ระยะตื่นเต้น จะมีอาการทางประสาท มีความรู้สึกไวกว่าปกติ กระวนกระวาย หงุดหงิด ไม่อยู่นิ่ง กัดแทะสิ่งของ ตัวแข็ง ขากรรไกรแข็ง ปากอ้า ลิ้นห้อย น้ำลายไหล ม่านตาขยาย บางตัววิ่งพล่านไปทั่ว เมื่อพบสัตว์หรือคนขวางหน้าจะกัด ส่งเสียงเห่าหอน ในระยะที่แสดงอาการแบบซึมอาจไม่แสดงอาการเช่นนี้ แต่เมื่อถูกรบกวนอาจกัด ต่อมา กล้ามเนื้อจะเริ่มอ่อนแรงลง ทรงตัวไม่ได้ ล้มแล้วลุกไม่ได้ บางตัวชักกระตุก อาการระยะนี้พบได้ 1 - 7 วัน จึงจะเข้าระยะสุดท้าย ระยะอัมพาต เกิดอาการอัมพาตลามทั้งตัวเริ่มจากขาหลัง ต่อมากล้ามเนื้อคอจะเป็นอัมพาต กลืนอาหารไม่ได้ ระบบหายใจล้มเหลวและตายในที่สุด รวมระยะเวลาเริ่มแสดงอาการจนตายประมาณ 10 วัน


โรคลำไส้อักเสบติดต่อ หรือการติดเชื้อพาโวไวรัสในสุนัข


การติดเชื้อพาโวไวรัสสามารถแพร่กระจายจากสุนัขตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่ง การติดต่อมีโอกาสมากขึ้นเมื่อสุนัขไปอยู่รวมกันมาก เช่น ในงานประกวดสุนัข โรงเรียนฝึกสุนัข คอกผสม หรือร้านขายผลิตภัณฑ์ของสุนัข สนามเด็กเล่น หรือบริเวณอื่นๆ ที่เป์นที่อยู่ที่เล่น หรือแหล่งรวมสุนัขก็จะเป็นแหล่งที่ทำให้สุนัขปกติไปรับเชื้อมาจากการสัมผัสได้ สุนัขที่เลี้ยงไว้ในบ้าน หรือไว้ในคอก ในสวนมีโอกาสที่จะสัมผัส หรือเล่นกับสุนัขตัวอื่นได้ยาก จะมีโอกาสที่จะสัมผัสติดเชื้อไวรัสได้ยาก การติดเชื้อพาโวไวรัสสามารถติดต่อได้กับสุนัขด้วยกัน หรือสัตว์ในตระกูลสุนัข โรคลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อพาโวไวรัสจะเกิดขึ้นเฉพาะแต่สุนัข หรือสัตว์ในตระกูลสุนัขเท่านั้น จะไม่ก่อให้เกิดโรคลำไส้ใน สัตว์ชนิดอื่นๆ หรือคน แต่สัตว์ชนิดอื่นๆ หรือคนสามารถที่จะเป็นพาหะนำเชื้อพาโวไวรัสมาติดกับสุนัขของตนเองได้ สุนัขสามารถติดเชื้อได้จากอุจจาระของสุนัขที่ป่วยเป็นโรค หรือของเหลวที่สุนัขป่วยอาเจียนออกมา ในอุจจาระของสัตว์ป่วยจะพบมีเชื้ออยู่จำนวนมาก พาโวไวรัสเป็นไวรัสที่มีความทนทานต่อสิ่งแวดล้อมมาก ไวรัสสามารถ มีชีวิตอยู่นอกตัวสัตว์ หรือในสิ่งแวดล้อมได้เป็นระยะเวลานาน ไวรัสสามารถแพร่กระจายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ด้วย การติดไปกับขน ผม หรือเท้าของสุนัขที่ป่วย หรือติดเชื้อ หรือเชื้อไวรัสอาจจะปนเปื้อนไปกับกรง รองเท้า หรือวัตถุสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ
ไข้หัดสุนัข


ไข้หัดสุนัข หรือ canine distemper

เป็นโรคที่เกิดขึ้นในสัตว์ตระกูลสุนัข ไข้หัดเป็นโรคชนิดที่มีผลต่อประชากรสุนัขในโลกมากที่สุดโรคหนึ่ง. สุนัขที่โตเต็มที่ที่ติดเชื้อนี้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์จะตาย ส่วนในลูกสุนัขอัตราการป่วยตายประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ในสุนัขบางตัวที่ป่วยและมีภูมิต้านทานต่อเชื้อ สุนัขอาจจะไม่ตายจากการติดเชื้อ แต่มักจะมีความผิดปกติ(ตลอดไป) เช่น เกี่ยวกับระบบประสาท เนื่องจากเชื้อไวรัสทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาท รวมทั้งประสาทรับกลิ่น การฟัง หรือแม้กระทั่งเกี่ยวกับการมองเห็น ส่วนอาการที่ทำให้เกิดอัมพาตบางส่วน หรือทั้งตัวพบได้น้อย ส่วนโรคอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปอดชื้นเป็นภาวะที่พบได้บ่อยมาก มักเกิดแทรกซ้อนขึ้นเมื่อสุนัขมีความอ่อนแอจากการติดเชื้อไวรัสไข้หัด ลูกสุนัข หรือสุนัขที่มีอายุน้อยมักจะไวต่อการติดเชื้อ แต่โรคนี้ก็สามารถเกิดขึ้นในสุนัขที่มีอายุมากได้เช่นกัน แต่พบได้น้อยกว่า นั่นหมายความว่าโรคไข้หัดสุนัขพบได้ในสุนัขทุกอายุ


การป้องกันไข้หัดสุนัข

สุนัขที่รอดชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัขมักจะมีภูมิต้านทานที่เพียงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อไวรัส สุนัขจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกสุนัขมักจะตายจากการติดเชื้อไวรัสนี้ การป้องกันโรคที่ดีที่สุดคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรค แต่ยังไม่มีวัคซีนชนิดใดเลยที่สามารถจะให้ภูมิคุ้มกันได้ตลอดชีวิตของสุนัข ดังนั้นสุนัขจึงต้องมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเป็นประจำทุกปี ลูกสุนัขที่เกิดมาจะมีภูมิคุ้มกันโรคนี้ในระดับหนึ่ง ภูมิคุ้มกันนี้เป็นภูมิคุ้มกันที่ได้รับมาจากแม่สุนัขหลังจากที่คลอดออกมาแล้ว ผ่านทางนมน้ำเหลือง(ไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังคลอด) ดังนั้นระดับภูมิคุ้มกันของลูกสุนัขจึงขึ้นอยู่กับภูมิกันของแม่สุนัข โดยทั่วไปมักมีระดับไม่สูงมากนัก ภูมิคุ้มกันที่รับจากแม่สุนัขผ่านทางนมน้ำเหลืองนี้จะลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อลูกสุนัขอายุประมาณ 8 วันระดับภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากแม่จะลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง และลดลงประมาร 3 ใน 4 หรือ 75 เปอร์เซ็นต์ที่อายุประมาณ 2 สัปดาห์ ดังนั้นการฉีดวัคซีนให้กับลูกสุนัขจึงมักกระทำเมื่อระดับภูมิคุ้มกันจากแม่หมดไป ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันในกระแสเลือด แต่โดยทั่วไปมักจะทำการฉีดวัคซีนเข็มแรก เมื่อลูกสุนัขอายุประมาณ 8 สัปดาห์

อุปกรณ์พื้นฐานสำหรับน้องหมา

อุปกรณ์พื้นฐานสำหรับสุนัข

- อาหารสุนัข และ ของกินเล่น
- ชามอาหาร
- ชามน้ำ
- ของเล่นต่างๆ
- หวีและแปรง รวมทั้งหวีกำจัดหมัด
- ปลอกคอ, ใบอนุญาต และ บัตรประจำตัวสุนัข
- สายจูง
- อุปกรณ์ขนย้ายสุนัข
- กรงใช้ฝึก
- ที่นอน,ผ้าห่ม,ผ้าขนหนู
- แปรงสีฟัน
เครื่องใช้ที่จำเป็น
1. เบาะรองนอน ควรใช้เบาะที่ยัดด้วยเมล็ดถั่วแห้งหรือเม็ดโฟม สุนัขส่วนใหญ่มักชอบและรู้สึกปลอดภัย ทั้งยังทำความสะอาดง่าย
2. ตะกร้า ตะกร้าพลาสติกใช้เป็นที่นอนได้ดีกว่าตะกร้าหวายเพราะทำความสะอาดง่ายและ
แข็งแรงคงทนกว่า ภายในควรบุด้วยที่รองนอนซึ่งซักได้
3. ป้ายชื่อ สุนัขควรมีป้ายชื่อที่ติดปลอกคอพร้อมกับหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ของเจ้าของ
4. กระดูกเทียม การกัดแทะกระดูกไนลอนเป็นการบริหารกรามและช่วยทำความสะอาดฟันให้สุนัข
5. ของเล่นยาง ควรเป็นวัสดุที่สุนัขกัดแทะได้เมื่อโยนลงพื้นจะกระดอนได้ กระตุ้นให้สุนัขวิ่งไล่
6. ของเล่นที่มีเสียง เมื่อสุนัขกัดแทะจะเกดเสียงดัง เป็นการกระตุ้นสัญชาตญาณในการล่าสัตว์
7. ขลุมครอบปากสุนัข ป้องกันไม่ไห้สุนัขไปกินสิ่งสกปรก หรือกรณีไม่แน่ใจในนิสัยของสุนัขโดยเฉพาะสุนัขดุ
8. อุปกรณ์ทำความสะอาดขนหรือผิวหนัง แปรงขนสัตว์สำหรับขนสั้นละเอียด แปรงเหล็ก
หวีเหล็กสำหรับขนยาว ควรใช้แปรงที่เหมาะกับสุนัขแต่ละพันธ์
9. ชามอาหารและน้ำ สุนัขควรมีชามอาหารของตนเองต้องดูแลอยู่เสมอ อาจเป็นชามที่ทำจากเซรามิกหรือสเตนเลส รองก้นชามด้วยยางป้องกันการลื่น
10.ปลอกคอและสายจูง สุนัขควรใส่ปลอกคอที่มีป้ายชื่ออยู่ด้วยเสมอ

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ประเภทของสุนัข


ประเภทของสุนัข


พันธุ์สุนัขที่นิยมเลี้ยงกันั้นมีมากมายหลายสายพันธุ์ ทั้งที่เป็นพันธุ์ไทยของบ้านเรา และพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งมีความน่ารักน่าชังและมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป
ในบรรดาสุนัขพันธุ์ต่างประเทศ จำแนกออกเป็นประเภทต่างๆ ตามที่สมาคมนักเพราะเลี้ยงสุนัขได้กำหนดไว้ดังนี้คือ

1. สุนัขกลุ่มกีฬา (Sporting dog)
เป็นสุนัขที่ใช้เกมกีฬา แต่ละพันธุ์จะถูกพัฒนาขึ้นมาเอการล่าสัตว์ เพื่อนำทาง เพื่อไล่ฝูงนกหรือใช้ในเกมเก็บของ ได้แก่ พันธุ์พอยน์เตอร์ต่างๆ พันธุ์เซตเตอร์ต่างๆ พันธุ์สแปเนียลต่างๆ เป็นต้น

2. สุนัขกลุ่มฮาวน์ด (Hound dog)
เป็นสุนัขล่าเนื้อ แต่ละพันธุ์ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อการล่าสัตว์ สะกดรอบ หรือใช้เล่นเกมวิ่งในลู่ มีประสาทหูและจมูกที่ไวมาก มีความอดทน สามารถเดินทางได้ระยะทางไกลๆ สุนัขกลุ่มนี้มีขนาดตัวที่แตกต่างกันมาก ได้แก่ ฮาวน์ดต่างๆ เช่น บัสเซ็ตฮาวน์ด, บลัดฮาวน์ด, เกรย์ฮาวน์ด, อาฟกันฮาวน์ด, บีเกิล, ดัชชุน เป็นต้น


3. สุนัขกลุ่มใช้งาน (Working dog)
เป็นสุนัขที่ฝึกขึ้นมาสำหรับใช้งาน สุนัขกลุ่มนี้จใช้งานเฝ้าสัตว์ เฝ้าสิ่งของ เป็นสุนัขระวังภัยเป็นสุนัขนำทางและช่วยชีวิต ได้แก่ พันธุ์โดเบอร์แมนพินส์เชอร์, เยอรมันเซฟเฟร์ด,เกรตเดน,บ๊อกเชอร์,ร็อตไวเลอร์,เซนต์เบอร์นาร์ด เป็นต้น

4. สุนัขเทอร์เรีย (terrier dog)
เป็นสุนัขที่ถูกผสมขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน สุนัขกลุ่มนี้จะใช้เป็นสุนัขระวังภัย เกมกัดสุนัข และบางพันธุ์ใช้ในการล่าสัตว์ ได้แก่ พันธุ์บูลเทอร์เรีย, ฟ๊อกเทอร์เรีย, ไอรัสเทอร์เรีย, เป็นต้น

5. สุนัขกลุ่มตุ๊กตา (Toy dog)
เป็นกลุ่มสุนัขที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักอยู่ระหว่าง 1 – 18 ปอนด์ บางตัวเล็กมากขนาดใส่กระเป๋าได้ เหมาะสำหรับอุ้มเล่น การประกวดบนโต๊ะ สุนัขกลุ่มนี้เห่าเก่ง ได้แก่ พันธุ์ชิวาวา,มินิเจอร์พินส์เชอร์,ปักกิ่ง,ปอมเมราเนียล,พุลเดิล เป็นต้น


6. สุนัขกลุ่มที่ไม่ใช้ในเกมกีฬา (Non dportind dog)
เป็นสุนัขที่ไม่สามารถจัดเข้ากับกลุ่มใดได้ อาจเรียกว่าเป็นกลุ่มสุนัขสารพัดประโยชน์ (Utillity) การนำไปใช้งานก็แตกต่างกันออกไป แต่ละพันธุ์จะมีความสามารถพอเศษพาะ เช่น พันธุ์พุดเดิลจะมีความสามารถในการแสดงได้หลายอย่าง บางพันธุ์สามารถนำไปฝึกทำหน้าที่ได้เช่นเดียวกับประเภทกลุ่มสปอร์ต ได้แก่ บลูดีอก, เชาเชา ดัลเมเชียน, บอสตันเทอร์เรีย เป็นต้น
สุนัขพันธุ์ต่างๆ ที่กล่าวนั้น มีลักษณะเด่นพิเศษเฉพาะพันธุ์ จึงต้องมีการศึกษาให้ละเอียดก่อนที่จะทำการเลือกซื้อ เพราะการเลี้ยงสุนัขผิดความประสงค์จะทำให้ผู้เลี้ยงเบื่อ และเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เช่น ถ้าต้องการสุนัขไว้เพื่อเฝ้าบ้านหรือเป็นยามักษาการณ์ จะต้องเลือกเลี้ยงพันธุ์เยอรมันเซฟเฟิร์ด (German Shepherd) หรือพันธุ์โคเบอร์แมน (Doberman) ถ้าต้องการสุนัขเพื่อดูเล่นเป็นเพื่อแก้เหงา ก็ควรเลือกพันธุ์พุดเดิล เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การให้อาหารและชนิดอาหารน้องหมา

อาหารแห้ง หรืออาหารเม็ดจัดเป็นอาหารสำเร็จรูปที่ประกอบด้วยคุณค่าทางอาหารที่สมบูรณ์ มีความชื้น 6 - 10% ซึ่งวัตถุดิบที่นำมาผลิตเป็นอาหารแห้งนั้น จะมีทั้งเมล็ดธัญพืช เนื้อวัว เนื้อไก่ ผลิตภัณฑ์จากปลา,นม ตลอดจนวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ นำมาผสมรวมกันในสัดส่วนที่เหมาะสมจะได้คุณค่าทางอาหารและพลังงานที่เหมาะกับสุนัขตามขนาดและความต้องการอาหาร ณ ช่วงนั้นๆ โดยจะผ่านขบวนการความสูญเสียของคุณค่าทางอาหารจะเกิดขึ้นเป็นบางส่วน วัตถุดิบอาหารที่ดีนั้นเมื่อนำมาผลิตเป็นอาหารเม็ดแล้วความสูญเสียส่วนนี้จะเกิดขึ้นน้อย:-มีคุณค่าทางอาหารสูง-ราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับอาหารสำเร็จรูปชนิดกระป๋อง-ความสูญเสียเนื่องจากมาจากการเน่าเสียของอาหารมีน้อย-มูลสัตว์จะเก็บทำความสะอาดได้ง่ายข้อด้วย:-ความน่ากินและรสชาติของอาหารเมื่อเปรียบเทียบกับอาหารสำเร็จรูปชนิกระป๋องแล้วด้อยกว่าการให้อาหารลูกสุนัขลูกสุนัขแรกคลอดควรได้รับน้ำนมเหลืองจากแม่ (colostrum) โดยเร็วที่สุดหลังจากคลอดเพราะน้ำนมแม่เป็นอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุด เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ มีแร่ธาตุที่จำเป็นในการสร้างกระดูกและฟัน มีโปรตีนสูง สำหรับลูกสุนัขที่อ่อนแอ ผอมบางผิวหนังเหี่ยวย่น ตัวเย็น เยื่อเมือกและผิวหนังหน้าท้องและขามีสีออกม่วง ในสัปดาห์แรกควรให้กลูโคสและน้ำตับดิบช่วยวันละ 2 - 3 ซีซี และอาจจะให้วิตามินเสริม แม่สุนัขจะมีปริมาณน้ำนมมากที่สุดในสัปดาห์ที่ 2 - 3 หลังคลอดแล้วปริมาณน้ำนมจะค่อยๆ ลดลงตามลำดับ และจะลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่ 5 - 6 ซึ่งโดยปกติจะเป็นช่วงที่ลูกสุนัขหย่านม (weaning) อาหารแรกเริ่มที่เจ้าของจะให้ลูกสุนัขสามารถให้ตอนช่วงอายุ 5 - 6 สัปดาห์นี้ โดยอาจจะเริ่มให้เพียงเล็กน้อยก่อนในขณะที่ลูกสุนัขยังไม่หย่านม แล้วค่อยๆ เพิ่มประมาณอาหารตามลำดับ อาหารเริ่มแรกควรเป็นอาหารอ่อน บดละเอียด อุดมด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัสและวิตามินดี และเป็นอาหารที่มีคุณค่าของโปรตีนสูง เจ้าของสุนัขอาจจะเติมวิตามิน หรือน้ำมันตับปลาควบไปด้วย คุณภาพอาหารที่ให้มีความเช่นเดียวกันกับการเพิ่มปริมาณอาหารโดยเฉพาะระยะแรกที่เริ่มหย่านม ปริมาณครั้งของการให้อาหารสามารถแสดงได้ดังนี้ :หลังหย่านม - 5 เดือน ให้อาหารวันละ 4 ครั้งในปริมาณพอเหมาะ- อาหารโปรตีนสูง - อัตราส่วน Ca : P = 1.2 : 1.0- เสริมวิตามิน อายุ 5 - 6 เดือน ให้อาหารวันละ 2 ครั้ง - อาหารโปรตีนสูง- อัตราส่วน Ca : P = 1.2 : 1.0- เสริมวิตามิน A,D,B สำหรับในลูกสุนัขที่ไม่ได้รับน้ำนมจากแม่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และควรให้สัตวแพทย์สอดท่อให้อาหารและให้อาหารสำหรับลูกสุนัขที่เหมาะสมไม่ควรให้ลูกสุนัขกินน้ำนมโคเพราะจะทำให้ท้องเสียและขาดน้ำได้ ดังนั้นการเลี้ยงดูลูกสุนัขกำพร้าหรือไม่ได้รับน้ำนมจากแม่ควรใช้สูตรอาหารดังต่อไปนี้ :-สูตรที่ 1 ใช้นมผงสำเร็จรูปสำหรับลูกสุนัขสูตรที่ 2 ผสมนม Evaporated Milk (ไม่ใช่Skim Milk) 3 ส่วนกับน้ำ 1 ส่วน ป้อนให้ลูกสุนัขกิน หากมีอาการท้องเสียเกิดขึ้น ควรเจือจางน้ำนมลงไปอีกสูตรที่ 3 ผสมอาหารกระป๋องลูกสุนัขสำเร็จรูป 2 ส่วนกับน้ำ 1 ส่วน แล้วปั่นให้เข้ากันก่อนนำไปเลี้ยงลูกสุนัข ส่วนผสมสูตรที่ 4 นมสด (Whole Milk) 1 ถ้วยน้ำมันพืช 1 ช้อนชา วิตามินรวมสำหรับเด็ก 1 หยด ไข่แดง 2 ฟอง นำมาปั่นรวมกัน 1 นาที แล้วนำไปเลี้ยงลูกสุนัข นอกจากนี้ยังต้องดูแลเรื่องของอุณหภูมิด้วย เนื่องจากลูกสุนัขปกติจะมีอุณหภูมิแรกคลอดประมาณ 96.8๐F และจะมีอุณหภูมิเท่ากับสุนัขโตเมื่อลูกสุนัขมีอายุประมาณ 4 สัปดาห์ (101-102๐F) ถ้าลูกสุนัขมีอุณหภูมิร่างกายต่ำควรให้ความอบอุ่นอย่างสม่ำเสมอทุก 1 - 3 ชั่วโมงจนอุณหภูมิคงที่การให้อาหารในสุนัขโตการให้อาหารแก่สุนัขที่โตแล้วอาจจะให้ 1 มื้อหรือ 2มื้อก็ได้ โดยความต้องการอาหารในสุนัขแต่ละพันธุ์จะไม่เท่ากัน เช่นดังแสดงในตาราง ปริมาณอาหารสำเร็จรูปต่อวันสำหรับสุนัขที่โตเต็มวัย พันธุ์สุนัข แคลอรี่ที่ต้องการ อาหารกระป๋องต่อมื้อ อาหารกึ่งชื้น อาหารแห้งพันธุ์ทอย 5 กก. เช่นยอร์กไชร์เทอร์เรีย 210 แคลอรี่ เนี้อ 105 กรัม ส่วนประกอบอื่น 35 กรัม 70 กรัม 60 กรัมสุนัขขนาดเล็ก10 กก. เช่นเวตส์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรีย 590 แคลอรี่ เนื้อ 300 กรัม ส่วนประกอบอื่น100 กรัม 190 กรัม 170 กรัมสุนัขขนาดกลาง 20 กก. เช่นค็อกเกอร์ สแปเนียล 900 แคลอรี่ เนื้อ 450 กรัม ส่วนประกอบอื่น150 กรัม 300 กรัม 260 กรัมสุนัขขนาดใหญ่ 40 กก. เช่นเยอรมัน เชพเพิร์ด 1680 แคลอรี่ เนื้อ 850 กรัม ส่วนประกอบอื่น280 กรัม 545 กรัม 480 กรัมสุนัขขนาดยักษ์ 80 กก. เช่นเกรตเดน 2800 แคลอรี่ เนื้อ 1,400 กรัม ส่วนประกอบอื่น460 กรัม 900 กรัม 800 กรัม
ข้อแนะนำสำหรับการให้อาหาร
1. อาหารสำเร็จรูปควรเลือกใช้ของบริษัทที่น่าเชื่อถือ
2. ห้ามให้อาหารที่เสียแก่สุนัข
3. จัดน้ำสะอาดไว้ให้ตลอดเวลา
4. ห้ามให้อาหารเลี้ยงแมวกับสุนัขเพราะมีโปรตีนสูงเกินไป
5. อาหารที่ให้ควรมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง
6. อาหารที่มีน้ำเป็นส่วนผสมที่กินเหลือไม่ควรเก็บไว้ในมื้อต่อไป
7. อาหารแห้งควรทิ้งวันต่อวัน
8. ไม่ควรปล่อยให้สุนัขอ้วนเกินไป
9. ห้ามให้กระดูกที่เปราะแก่สุนัขเช่น กระดูกไก่
10. สุนัขที่ไม่ยอมกินอาหารนานกว่า 24 ชั่วโมง อาจเป็นสัญญาณบอกว่าสุนัขเจ็บป่วยจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

คู่มือการเลี้ยงสุนัข


คู่มือการเลี้ยงสุนัข
ลูกสุนัขที่ได้มาใหม่จะนำความปิติมาสู่คุณนานหลายปี ในวันข้างหน้าเขาจะมาเป็นสหายที่ใกล้ชิด เพื่อนเล่นที่เป็นมิตรที่ไว้ใจได้ อย่างไรก็ตาม หากปราศจากความพยายามสิ่งนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น คุณควรเริ่มฝึกเขา ตั้งเต่ยังเล็กอยู่ เพื่อต้อนรับเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว ก็เหมือนๆกับเด็กทารกนั่นเอง ลูกสุนัขที่ได้มาใหม่ ต้องการอาหาร การหลับนอน การเล่นและการฝึกที่สม่ำเสมอ ซึ่งก็หมายความว่าเขาต้องการการดูแล และเอาใจใส่อย่างมาก เราตระหนักดีว่าเจ้าของลูกสุนัขที่มาใหม่มีความผูกพันกันอย่างมาก เราจึงนำท่านและลูกสุนัขมาอยู่ด้วยกันเพื่อจะได้เริ่มต้นอย่างถูกต้อง ซึ่งประกอบด้วยเคล็ดลับเบื้องต้นเกี่ยวกับในวันแรกที่เขาเข้ามาอยู่ในบ้าน เป็นต้นว่า ที่อยู่ของลูกสุนัข การเคี้ยวและการฝึกในบ้าน เป็นต้น

ที่อยู่ของลูกสุนัข
ลูกสุนัขต้องการที่อยู่ที่เป็นส่วนตัว หากล่องหรือที่นอนสำหรับสุนัขไว้ในคอกที่อบอุ่นและมีมุมที่ไม่มีลมโกรก (กรงสุนัขที่ใช้ในเวลาการเดินทางจะได้เปรียบ เพราะสามารถนำมาใช้ได้ตลอดอายุขัยของเขา ถ้าจะซื้อมาใช้ ต้องให้มีขนาดใหญ่พอเมื่อเขาโตเต็มที่) เขาจะใช้กรงเป็นสถานที่พักผ่อนนอนหลับและรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจ เอากล่องกระดาษหรือกล่องไม้วางด้านข้างลงทำเป็นเตียงนอนที่มิดชิด เขาก็จะยิ่งรู้สึกปลอดภัย เหตุผลก็คือว่า บรรพบุรุษซึ่งคล้ายกับหมาป่าของเขาเคยอาศัยถ้ำเป็นบ้านพัก โดยสัญชาตญาณลูกสุนัขก็จะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยในที่ที่คล้ายกับถ้ำ อาจจะปูพื้นด้วยผ้าเช็ดตัว หรือผ้าห่มเก่าๆที่อยู่ของเขาก็จะสมบูรณ์แบบ เมื่อเขาอยู่ในที่ของเขา อย่าได้รบกวนหรือดึงตัวเขาออกมา ควรให้เขาออกมาเองอย่าให้เด็กๆ รบกวนหรือเย้าแหย่เขาเล่น เขาต้องการความรู้สึกปลอดภัยถ้าเขาอยู่ในที่ของเขา อย่ากักขังเขาในกรงเป็นเวลานานๆ ถ้าเขาทำอะไรผิดก็อย่าได้ไล่เขาเข้าไปในกรง การทำอย่างนั้นจะทำให้เขารู้สึกว่ามันเป็นที่ทำโทษเขา แทนที่จะเป็นสถานที่พักที่มีความสุขสบาย คุณควรจะรู้สึกสบายใจที่ลูกสุนัขมีที่ของตัวเอง เขาจะไปงีบหรือขดตัวนอนอย่างมีความสุขตลอดคืน โดยไม่เห่าหรือร้องคราง และคุณก็รู้ว่าเขาจะไม่ก่อความเดือดร้อนให้แม้คุณจะไม่คอยเฝ้าดูเขาก็ตาม

การเคี้ยว
ฟันของลูกสุนัขจะขึ้นอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 3 ถึง 6 เดือน ในช่วงนี้ควรจะให้ อะไรเขาเพื่อขบเคี้ยว เพื่อช่วยในการขึ้นของฟัน ลูกสุนัขจะกัดสิ่งของโดยไม่เลือก เขาไม่รู้ว่านั่นคือรองเท้าคู่ที่ดีที่สุดของคุณ หรือมันคือขาโต๊ะที่เป็นวัตถุโบราณเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่เกิดจากลูกสุนัข ขอแนะนำให้หาของขบเคี้ยวที่ไม่แตกหักหรือเป็นภัยกับลูกสุนัขเพื่อจะขบเคี้ยวเล่น เช่น ลูกบอลยางที่โตและแข็งพอที่เขาจะกลืนไม่ได้ หรืออาจจะเป็นกระดูกเทียม คุณอาจจะให้รองเท้าเก่าๆ หรือวัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรองเท้าเหมือนของคน เพราะสุนัขคิดว่าจะเป็นรองเท้าอะไรก็ได้ทั้งนั้นเพื่อความสนุกสนาน อย่าให้กระดูกจริงทั้งสุกและดิบก็ตาม เพราะกระดูกแตก ทำให้เกิดบาดแผลในปากหรือติดคอในขณะที่เขากลืนเศษกระดูกเข้าไป หาทางทำให้กระดูกเทียมและลูกบอลเป็นที่ดึงดูดสำหรับลูกสุนัข โดยที่คุณนำสิ่งเหล่านั้นมาเล่นเกมส์กับเขา เมื่อไรก็ตามหากลูกสุนัขเขาเริ่มจะกัดแทะสิ่งของที่ต้องห้ามก็รีบนำกระดูกเทียมหรือลูกบอลให้แทน ออกคำสั่งว่า "อย่า" อย่างขึงขังแล้วนำสิ่งของที่มีค่าออกห่างจากเขา เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มกัดแทะของที่เราให้เขา ก็ให้กล่าวชมความประพฤติที่ดี แล้วจะรู้สึกว่าจะมีการตอบสนองอย่างมีความสุข ช่วยให้ลูกสุนัขให้อยู่ห่างไกลจากสิ่งที่เป็นโทษ เป็นต้นว่า น้ำยาทำความสะอาดทินเนอร์ สารเคมีที่ใช้ในบ้านเรือน และสิ่งของที่มีอันตราย โดยเก็บสิ่งเหล่านั้นในตู้ที่ล็อกกุญแจได้

การฝึกในบ้าน
ควรฝึกลูกสุนัขโดยทันที เริ่มจากการให้อาหารลูกสุนัขเป็นเวลาและพาออกไปเที่ยวนอกบ้านบ่อยๆ ถ้าหากคุณเลี้ยงลูกสุนัขของคุณด้วยอาหารของลูกสุนัขของยูคานูบาหรืออามส์สำหรับลูกสุนัข จะพบว่าเวลาในการฝึกจะสั้นลงเนื่องจากการให้อาหารและการขับถ่ายจะเป็นกิจวัตรจะมีสิ่งบอกเหตุซึ่งคุณคุณต้องคอยสังเกตว่า ถึงเวลาที่จะต้องนำลูกสุนัขออกไปนอกบ้าน ในกรณีที่ลูกสุนัขเดินไปตามพื้นเป็นรูปวงกลมนั่งหรือร้องครางอยู่ที่ประตู หรือถ้าคุณมองเห็นสุนัขของคุณมองคุณด้วยสายตาวิงวอน และกระวนกระวาย นั่นแสดงว่าเป็นเวลาที่คุณควรจะนำเขาออกไปข้างนอกหลังจากที่ลูกสุนัขปัสสาวะเสร็จ ให้ชมเขาอย่างเงียบๆ แล้วนำเขาเข้ามาในบ้านในไม่ช้าเขาก็จะเชื่อมโยงการปัสสาวะนอกบ้านกับคำชมเชยของคุณ
เมื่อไหร่ถึงจะพาลูกสุนัขออกไปนอกบ้าน- หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นเพียงเล็กน้อย สำหรับลูกสุนัขส่วนใหญ่ - หลังจากการงีบของเขา - หลังจากกลับบ้านมาหาเขา ซึ่งปล่อยให้อยู่โดยลำพัง - หลังอาหารโดยทันที - หลังจากที่คุณจะพักผ่อน เมือไรก็ตามที่ลูกสุนัขจ้องมองคุณ
แล้วเขาก็กระตือรือร้นที่จะเอาใจคุณ บางครั้งอาจจะพบว่ามีการขับถ่ายเลอะเทอะ คุณก็ไม่ควรขึ้นเสียงหรือตบตีเขาหรือจับเขาดมสิ่งที่เขาขับถ่ายออกมา ในขณะที่เขาอาจจะหมอบคุดคู้ด้วยความหวาดกลัว เขายังเล็กเกินไปที่จะโดนการดุว่าในเรื่องการขับถ่ายที่เลอะเทอะ ถ้าคุณพบเขากำลังถ่ายอยู่ ก็จงรีบนำเขาออกไปนอกบ้านเพื่อให้เขาขับถ่ายจนสุดแล้ว ให้กล่าวชมในความพยายามของเขา การทำความสะอาดสิ่งขับถ่ายที่เลอะเทอะ สารดับกลิ่นและสารขับไล่แมลงจะช่วยได้มาก อย่าใช้สารทำความสะอาดที่มีแอมโมเนียเป็นส่วนผสม แม้ว่าในทางเคมีแอมโมเนียและยูรีน จะมีส่วนคล้ายคลึงกันเมื่อทำความสะอาด ควรจะต้องให้แห้งสนิท หาไม่แล้วลูกสุนัขของคุณจะกลับมาสูดดมกลิ่นที่ทำให้เลอะเทอะและอาจจะถูกกระตุ้นให้ทำความเลอะเทอะอีก